“เรียนฟรีต้องฟรีจริง” ฟรีอย่างเสมอภาค นักเรียนต้องไม่ถูกพรากจากการศึกษาเพราะไม่มีเงิน
“เรียนฟรีต้องฟรีจริง” ฟรีอย่างเสมอภาค นักเรียนต้องไม่ถูกพรากจากการศึกษาเพราะไม่มีเงิน
ทำไมแคมเปญรณรงค์นี้ถึงมีความสำคัญ
ที่ผ่านมา เพื่อนของพวกเราต้องออกจากโรงเรียนกระทันหัน เราก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมเพื่อนของเราถึงต้องออกไป พอถามเพื่อน ทุกคนต่างก็อ้างว่า ที่บ้านมีปัญหาเรื่องเงินทอง บ้างก็อ้างว่าครอบครัวมีปัญหา แต่พอมองย้อนกลับไปดูในความเป็นจริง เราคิดว่านโยบายทางการศึกษายังไม่ซัพพอร์ตนักเรียนได้อย่างเพียงพอ ในทุกวันนี้ เราต่างเห็นเพื่อนของเราต้องมาเรียนอย่างกลุ้มใจ พะวงอยู่ในวังเวียนของความยากจนและไม่สามารถการันตีได้ว่า วันพรุ่งนี้เขาจะมาเรียนเหมือนกับเพื่อนคนอื่น ๆ ได้หรือเปล่า เพราะการมาโรงเรียนนั้นมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกเยอะมาก และยังไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วย
แม้ภาครัฐจะมีการส่งเสริมการเรียนฟรี 15 ปี และเพิ่งมีประกาศว่า ครม. จะให้เงินเพิ่มช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับนักเรียน 11.5 ล้านคน ทั้งในระบบ นอกระบบ บ้านเรียน และกลุ่มที่จัดการศึกษาโดยสถานประกอบการ หลังจากไม่ได้ถูกปรับเพิ่มมาสิบกว่าปีแล้ว เราเห็นรายละเอียดที่ภาครัฐจะเพิ่มให้มีค่าชุดนักเรียนคนละ 1 ชุด และให้อีก 1 ชุดเฉพาะนักเรียนยากจนที่ผู้ปกครองถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนค่าอุปกรณ์การเรียน ค่ากิจกรรม และค่าใช้จ่ายจัดการเรียนการสอนนั้นก็ยังไม่เห็นการซัพพอร์ตที่ชัดเจน และไม่ให้กับศูนย์การเรียนเลย รู้แต่ว่าจะใช้งบประมาณเพิ่มกว่า 8,000 ล้านบาท แบ่งจ่าย 4 ปี
เราเห็นคุณตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ แถลงข่าวว่าการเพิ่มงบเรียนฟรีครั้งนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่าย ลดความเหลื่อมล้ำ ให้นักเรียนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาทุกคน แต่ทำไมในหมวดที่เรียกว่าเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนไม่ปรับเพิ่มให้ แล้วสิบกว่าปีที่ผ่านมาก็ให้แค่เด็กประถม กับ ม.ต้น ไม่เคยให้เด็กอนุบาลกับ ม.ปลาย เลย มันดูไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมและค่าครองชีพที่สูงขึ้น
โรคระบาดโควิด-19 ทำให้พ่อแม่ตกงานขาดรายได้ รวมไปถึงภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ไหนจะค่าชุดไปโรงเรียนอื่น ๆ ที่มีหลายชุด ค่าขนม ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายแฝงพวกนี้แพงขึ้นมาก เราเห็นว่าพ่อแม่ของหลายคนแทบจะส่งลูกเรียนไม่ไหว ยิ่งเห็นได้ชัดจากสถิติว่ามีเพื่อน พี่ น้อง นักเรียนของเรากว่า 1.9 ล้านคนที่เสี่ยงหลุดจากการศึกษา ครอบครัวมีรายได้เฉลี่ยแค่ 1,094 บาท (ซึ่งต่ำกว่าเส้นความยากจนในประเทศเกือบ 3 เท่า) เราคิดว่าเงินปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนจึงสำคัญมาก
เราในนามสภาเด็กและเยาวชนขอเป็นกระบอกเสียงของเด็กนักเรียนทั่วประเทศทุกคน วอนขอผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพิจารณาอนุมัติงบประมาณเรียนฟรี ให้เพิ่มงบเพื่อช่วยเหลือนักเรียนไทยที่กำลังเสี่ยงหลุดจากการศึกษา ช่วยส่งข้อเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพราะจะมีส่วนช่วยสำคัญต่อเด็กนักเรียนที่จะกลายเป็นกำลังหลักของชาติในวันข้างหน้า
เราและเพื่อน ๆ เครือข่ายเด็กเยาวชนในพื้นที่สูงในถิ่นทุรกันดาร พร้อมเครือข่ายภาคสังคม อยากชวนทุกคนร่วมลงชื่อเพื่อสนับสนุนข้อเสนอการปรับปรุงนโยบายเรียนฟรี เพื่อนำเสียงสนับสนุนจำนวน 100,000 รายชื่อไปมอบให้รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ และ นายกรัฐมนตรี โดยมีข้อเรียกร้องปรับปรุงนโยบายเรียนฟรี ดังนี้
1.ตอนนี้ โครงการเรียนฟรี 15 ปี ยังช่วยนักเรียนยากจนแค่ชั้นประถม ถึง ม.ต้น เพียงแค่ 9 ปี ยังไม่ครอบคลุม 15 ปีเหมือนชื่อโครงการ พวกเราคิดว่านักเรียนยากจนทุกคนควรได้รับเงินช่วยเหลือตรงนี้ คือ เพิ่มระดับชั้นอนุบาล และชั้นม.ปลาย ที่เป็นนักเรียนยากจน ให้ได้รับเงินซัพพอร์ตเหมือนกัน
2.ตอนนี้ อัตราเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนในแต่ละปี เด็กประถมจะได้คนละ 1,000 บาท (เฉลี่ยวันละ 5 บาทเท่านั้น) เด็ก ม.ต้น ได้คนละ 3,000 บาท (เฉลี่ยตกวันละ 15 บาท) ซึ่งมันไม่เพียงพอกับราคาของที่แพงขึ้น อยากให้รัฐปรับงบที่ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบันคือ เด็กอนุบาลต้องได้คนละ 1,000 บาท เด็กชั้นประถมศึกษาควรได้คนละ 2,000 ม.ต้น ได้คนละ 4,000 บาท และเด็กม.ปลาย คนละ 6,000 บาท ครอบคลุมการศึกษาทุกสังกัด และทุกสถานศึกษา เพื่อให้เด็กเยาวชนทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนยากจน ได้เรียนฟรีอย่างเสมอภาค 15 ปีจริง
ก่อนหน้านี้ เราเคยเห็น กสศ. จัดเวทีนำเสนอผลวิจัยเพื่อบอกว่าถึงเวลาต้องปฏิรูปนโยบายเรียนฟรีเพราะไม่เคยปรับเงินอุดหนุนมานานแล้ว ทั้งที่งบตรงนี้ควรถูกปรับให้สอดคล้องกับเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นตลอด 15 ปีที่ผ่านมา และเพิ่มงบมุ่งเป้าเพื่อช่วยเหลือนักเรียนยากจน 1.9 ล้านคน ให้มีโอกาสที่เสมอภาคเท่ากันกับนักเรียนคนอื่น ๆ อย่าปล่อยให้เด็กไทยหลุดจากระบบการศึกษา พวกเราเชื่อว่า หนึ่งชื่อของทุกคนช่วยเหลืออนาคตนักเรียนไทยได้อีกนับล้าน เราจะนำรายชื่อทั้งหมดนี้ส่งต่อให้กับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อนำเสียงสนับสนุนที่ทุกคนลงชื่อในนี้ ไปผลักดันนโยบายเรียนฟรีในคณะรัฐมนตรีให้ปรับเปลี่ยนในปีงบประมาณ 2566 ต่อไป เราหวังว่าในวันนึง เพื่อนของเราที่ฐานะยากจนจะไม่ต้องพะวงและมาเรียนอย่างกลุ้มใจอีกต่อไป
รณรงค์แคมเปญโดย สภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร เครือข่ายเด็กและเยาวชนพื้นที่สูงในถิ่นทุรกันดาร พร้อมเครือข่าย
ผู้มีอำนาจตัดสินใจ
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ
- นายกรัฐมนตรี รัฐบาลไทย